นายก สั่งการ รมต. ประจำสำนักนายก เร่งลงพื้นที่ ภัยน้ำท่วม ภาคใต้

นายก สั่งการ รมต. ประจำสำนักนายก เร่งลงพื้นที่ ภัยน้ำท่วม ภาคใต้

นายก ได้มีคำสั่งให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ทำการลงสำรวจพื้นที่ ตรวจเยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบจาก ภัยน้ำท่วม ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ของ ภาคใต้ โดยเร่งด่วน นายก รัฐมนตรีได้มีการสั่งการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการลงพื้นที่โดยเร่งด่วน ในการสำรวจความเสียหาย และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ นำความห่วงใยจากรัฐบาลมอบให้ผู้ประสบ ภัยน้ำท่วม ภาคใต้ โดยได้ยืนยันว่าทางรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลืออก่ผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่

วันนี้ (3 ธันวาคม 2563) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 5 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลัน ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นราธิวาส และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยสั่งการให้ส่วนราชการในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง กำชับให้เร่งช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมทั้งแจ้งให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเตรียมพร้อมบรรเทาความเดือดร้อน อพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัย และขอให้พี่น้องประชาชนติดตามการแจ้งเตือน รวมถึงข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเองลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมนำความห่วงใยจากรัฐบาลไปมอบให้กับประชาชน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกมายืนยันว่า รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิภาคไหน เชื่อว่าความรักความสามัคคีของคนไทยจะช่วยให้ทุกคนปลอดภัย และก้าวผ่านสถานการณ์ไปด้วย

ประชุมสภา เกือบ ล่ม หลัง สมาชิกมาไม่ครบ 250 คน โดยประธานสภาใช้เวลาเรียกนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเริ่มประชุมได้ การประชุมสภาในวันที่ 3 ธ.ค. เกือบล่ม หลังจากที่องค์ประชุมไม่ครบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องกดสัญญาณเรียกสมาชิกอยู่หลายครั้ง ซึ่งประธานสภาต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ ส.ส.ลงชื่อร่วมประชุมถึง 250 คน และสามารถเปิดประชุมได้

โดยการประชุมในวันนี้ มีวาระสำคัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เริ่มนั่งบัลลังก์ทำหน้าที่ตั้งแต่เวลา 09.30น. และเปิดโอกาสให้ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลหารือปัญหาความเดือดร้อนต่าง ๆ ของประชาชน

โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ สถานการณ์โควิด-19 และปัญหาถนนชำรุดหลายพื้นที่ รวมถึงปัญหาที่ดินทำกิน

ผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เตรียมเฮ ก. แรงงาน จับมือ ก. คลัง ติดอาวุธแก้จน

กระทรวง แรงงาน เตรียมจับมือ กระทรวงการ คลัง กำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ติดอาวุธแก้จน ผ่านการสร้างอาชีพ และส่งเสริมให้มีรายได้ที่มั่นคง วันที่ 2 ธันวาคม 2563 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง แรงงาน เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หารือแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงานที่มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลัง รวมถึงหารือแนวทางการจัดทำโครงการสร้างความรู้ สร้างสัมมาชีพ ยกระดับทักษะ และหางานให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ทั้งที่อยู่ในภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงโครงการให้ความรู้ด้านการเงินและดิจิทัล เพื่อยกระดับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้เป็นแรงงานคุณภาพที่มีอาชีพที่มั่นคงและพ้นเส้นความยากจน ณ ห้องประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชั้น 3 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

รมช. แรงงาน กล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากที่รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐและมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อปี 2560-2561 และมีแนวโน้มจะเปิดรับลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐอีกครั้งในช่วงต้นปี 2564

โดยในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานมีแนวทางที่จะขับเคลื่อนร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและจังคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการคลัง เป็นต้น เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การฝึกอาชีพ เพื่อสร้างองค์ความรู้ทั้งด้านการเงินและดิจิทัล ให้มีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ

เป็นการ “สอนหาปลา” แทนการให้ปลา รวมถึงหางานและตลาดที่เหมาะสมให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อยู่ในวัยแรงงาน เป็นการ “ให้เบ็ดตกปลา” นอกจากนี้ ยังประสานกับเครือข่ายจัดหาแหล่งเงินทุน อาทิ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และธนาคารพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวมีอาชีพที่มั่นคงและหลุดพ้นจากความยากจน ภายใต้แนวคิด “สร้าง ยก ให้ รวมไทยสร้างชาติ”

“แรงงานทุกกลุ่มเป้าหมายควรได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุ คนพิการ แลผู้ต้องขัง ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเดินหน้าให้การช่วยเหลือดูแลอย่างเต็มที่ คนที่มีงานทำอยู่แล้วมีรายได้เพิ่มขึ้น และคนที่ว่างงานต้องมีงานทำ ซึ่งการจะก้าวไปถึงความมุ่งหมายนั้นได้จึงต้องเริ่มต้นจากเพิ่มทักษะ ความรู้ ความสามารถ” รมช.แรงงาน กล่าวในท้ายสุด

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี